บิ๊กตู่ สั่งสอบ หน้ากากอนามัย หายไปไหน ถามหาสำนึก พิธีกร บางรายการ พูดสนุกปาก ยามบ้านเมือง เผชิญ โควิด-19 รับ ปชต.ไทย ต้องปล่อยให้พูด ซัด คนอายุมาก ความน่าเชื่อถือไม่มี สมัยก่อนด่าเขา วันนี้เล่นงานผม
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.63 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ Government Weekly EP.30 ในช่วง PM Talk ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ตอนหนึ่งถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ในส่วนของหน้ากากอนามัยก็ตรวจสอบทั้งหมดว่าหายไปไหน ขณะนี้มีการตรวจสอบย้อนกลับอยู่มีการขอดูบัญชี ก็ให้ไปตรวจสอบตามร้านค้าว่าสั่งจากตัวแทนที่ไหนอย่างไร รวมถึงราคาควรจะเป็นอย่างไร ส่วนหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศขณะนี้ราคาสูงมาก แต่ของไทยควบคุมราคาที่ 2.50 บาท และคำแนะนำจากแพทย์ที่ดีที่สุดคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ก็ขอให้ฟังไม่เช่นนั้นจะตื่นตระหนกกันไปหมด
นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของข้อมูลข่าวสาร ตนมีความกังวลมากพอสมควรโดยเฉพาะในส่วนที่สร้างความเกลียดชังเป็นเรื่องไม่ดีไม่สนับสนุน รวมถึงข่าวปลอมบางเรื่องไม่ใช่เรื่อง เช่น มีการบอกว่าให้กักตุนอาหารอย่างน้อย 1 เดือนจะเขียนไปทำไม พิธีกรบางรายการพูดอะไรไปตนก็โกรธไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาควรสำนึกว่าวันนี้บ้านเมืองเป็นอย่างไรอยู่ เดือดร้อนหรือไม่ เอาหล่ะจะชอบหรือไม่ชอบตนก็คนละเรื่อง แต่ต้องรักประชาชนของคุณในฐานะที่คุณเป็นสื่อ คุณเป็นผู้ที่เขาให้เกียรติและต้องมีจรรยาบรรณ แต่คุณเอามาตีใส่ตน แล้วต้องการนู้น ต้องการนี่ ก็เกิดความไม่เข้าใจในสังคม ตนถามว่าเกิดประโยชน์อะไร ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ตนอยากให้สำนึกถึงความรักชาติ รักแผ่นดินกันบ้างก็แล้วกัน หลายคนออกมาพูดเป็นเรื่องสนุกนัก มันไม่ใช่เรื่อง เรื่องไม่เป็นประเด็นก็ให้มันเป็นประเด็น เรื่องที่เป็นประเด็นอยู่แล้วก็ไม่รับฟังข้อมูลอะไร ทั้งขยายต่อ ขยี้กันต่อ ตนว่าไม่ถูกต้องก็ฝากไว้แล้วกัน รักกันทั้งนั้นแหล่ะสื่อมวลชนต่างๆ ก็ไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่เคยไปอะไรกับท่านอยู่แล้ว หงุดหงิดบ้างก็มีธรรมดา ในเรื่องที่มีการว่ากล่าวโจมตีรัฐบาลตนโกรธท่านไม่ได้ ขอสื่ออย่าขยายความขัดแย้ง ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติในเวลานี้ ถ้าเราเข้มแข็งแล้วค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน จะต่อย จะตีอะไรก็ว่ากันไปเถอะ แต่วันนี้ปัญหาเต็มไปหมด อะไรที่ไม่เป็นปัญหาก็ลดกันไปบ้างก็แล้วกัน ตนบังคับไม่ได้อยู่แล้ว เคารพซึ่งกันและกัน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวหารัฐบาลไม่เป็นประชาธิปไตยว่า “ก็นี่ไง ประชาธิปไตยไทย เราก็ต้องปล่อยให้คนพูด แต่ถ้าพูดแล้วผิดกฎหมายก็อีกเรื่องหนึ่ง ก็มีมาตรการแต่ถ้าพูดแล้วว่ากล่าวไปนู้นไปนี่ บางทีไปสัมมนาแล้วก็พูด คนพูดนี่สมัยก่อนก็ด่าเขา วันนี้กลับมาเล่นงานผม ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนๆเดียวกัน เพราะฉะนั้นความน่าเชื่อก็น่าจะไม่มี คือคนอย่างนี้พร้อมจะทำอย่างนี้ได้ตลอด ผมก็ไม่รู้ บางคนก็อายุมากแล้วด้วย ผมก็งง หลายๆ คนก็ทำงานกับผมก็กลับไปกลับมาอย่างนี้ ผมก็งงนะ ผมยังไม่พูดว่าผมเจออะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้นวันนี้มาแก้ปัญหาประเทศก่อนไม่ดีกว่าหรือ” นายกฯ กล่าว