“โฆษกศาลยุติธรรม” ชี้ตามกฎหมาย ไม่ได้กำหนดจำนวนผู้ทำเเผนไว้ หลักควรเป็นคนเข้าใจธุรกิจ ยันพร้อมรับคดีฟื้นฟู “การบินไทย”
วันที่ 23 พ.ค. นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับ การพิจารณาคดีฟื้นฟูกิจการของการบินไทยในประเด็นผู้ที่จะเข้ามาทำแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย หรือที่เรียกว่าผู้ทำเเผนนั้น ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2541 ที่บัญญัติเรื่องการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เพิ่มเติมใน พ.ร.บ.ล้มละลายฯ ไม่ได้กำหนดจำนวนผู้ทำแผนไว้ โดยเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลก็ได้ ผู้ทำเเผนฟื้นฟู จึงอาจเป็นบริษัทลูกหนี้ หรือกรรมการลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกก็ได้
การเสนอผู้ทำแผนฯนั้น ผู้ร้องขอฟื้นฟู หรือเจ้าหนี้ผู้คัดค้าน ก็สามารถเสนอผู้ทำเเผนได้ เมื่อศาลพิจารณาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการเเล้ว หากมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ปกติศาลจะมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผน ไปพร้อมกับคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ แต่ถ้าศาลเห็นว่ายังไม่สมควรตั้งบุคคลที่เสนอเป็นผู้ทำเเผน ก็สามารถมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการไป แล้วให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาเลือกผู้ทำแผน หลังจากนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องรายงาน ผู้ที่ได้รับการเลือก ให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งในขั้นสุดท้าย
ส่วนคุณสมบัติผู้ทำแผนเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลต้องพิจารณา เเต่โดยหลักการควรเป็นคนที่เข้าใจธุรกิจของลูกหนี้ มีความสามารถ และมีความสุจริต ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาเรื่องการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่มีหนี้จำนวนมาก และเจ้าหนี้หลายราย ย่อมขึ้นกับข้อเท็จจริงแต่ละกรณี เเต่เงื่อนไขสำคัญเจ้าหนี้ที่มีจำนวนหนี้ส่วนใหญ่ ตามสัดส่วนและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดต้องเห็นชอบเพื่อให้แผนฟื้นฟูผ่านมติที่ประชุมเจ้าหนี้ โดยการเจรจาต่อรองอาจขึ้นกับ เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ของเจ้าหนี้รายใหญ่ การปรับโครงสร้างองค์กรของลูกหนี้ รวมทั้งผู้ที่จะใส่เงินลงทุนใหม่เข้ามาช่วยเหลือ
กรณีนี้อาจจะมาจากภาครัฐก็ได้ เพื่อให้บรรดาเจ้าหนี้เห็นว่า การฟื้นฟูกิจการเป็นประโยชน์มากกว่า ให้กิจการของลูกหนี้ล้มละลาย ต้องถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด เพราะตามกฎหมายแผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลจะเห็นชอบได้นั้น บรรดาเจ้าหนี้ต้องได้รับชำระหนี้โดยรวมมีมูลค่ามากกว่า การที่ลูกหนี้ต้องล้มละลาย แม้ว่าเจ้าหนี้อาจต้องลดหนี้ลงบางส่วน และทยอยได้รับเงินจากการผ่อนเวลาชำระหนี้ ส่วนเจ้าหนี้ที่มีจำนวนหนี้ข้างน้อย แม้ไม่ยินยอมกับเงื่อนไขในแผนฟื้นฟูกิจการ กฎหมายก็บังคับให้ต้องยอมรับ หากเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ มีมติยอมรับแผน ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
โฆษกศาลยุติธรรม ยังกล่าวถึงความพร้อมของศาลล้มละลายในการรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยว่า ศาลล้มละลายกลางมีความพร้อมในการดำเนินการอย่างมาก เพราะศาลล้มละลายก่อตั้งขึ้น เพื่อแก้ปัญหาลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทางการเงิน และคดีที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันบริษัทที่มีหนี้จำนวนมาก นับหมื่นหรือแสนล้านบาท รวมทั้งคดีที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางโดยตลอด ในช่วงหลายปีมานี้ ก็มีคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน อยู่ในการพิจารณาคดีของศาลล้มละลายกลางหลายคดี
ส่วนประเด็นเรื่องการฟื้นฟูกิจการสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพกิจการ การสนับสนุนของเจ้าหนี้ และผู้ที่ใส่เงินลงทุนใหม่ การแข่งขันของอุตสาหกรรม ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ปัญหาที่เกิดในทางคดี มักจะมีที่มาจากความขัดแย้งระหว่าง ลูกหนี้ เจ้าหนี้ และผู้มีส่วนได้เสียที่ใช้กระบวนการทางกฎหมาย โดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของการฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ ดังนั้นการเจรจาเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ และการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้ได้ข้อยุตินอกกระบวนการศาล ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน