นายกฯ โต้ทอดทิ้งภาคใต้ ยันจัดสรรงบ 64 ดูแลทั่วถึง ทั้งระบบ
ด้าน “สมศักดิ์” ยันเงินกองทุนยุติธรรมเพียงพอ มั่นใจปีหน้าลดความแออัดในคุกสำเร็จ
ส่วนบรรยากาศประชุมเงียบเหงา เพื่อไทยขู่นับองค์

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในวาระแรกเป็นวันที่2 สมาชิกยังมุ่งเน้นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถึงการจัดทำงบประมาณว่าไม่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาโควิด 19 และการจัดสรรงบประมาณให้กับฝ่ายความมั่นคงที่มีความไม่เหมาะสม

อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ขอพูดแทนคนภาคใต้ 9.4 ล้านคน เพื่อทวงความเป็นธรรมที่ได้เสียโอกาสในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานมาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อได้ฟังคำแถลงงบประมาณฯ ปี 2564 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พูดถึงการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ที่มีงบประมาณทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท และมีงบประมาณในก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทางรวมประมาณ 309 กิโลเมตร

ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวภาคใต้ ที่มีความใฝ่ฝันต้องการอยากเห็นถนนมอเตอร์เวย์ในภาคใต้เหมือนกับภูมิภาคอื่นๆ ที่ผ่านมา ตนได้เสนอเรื่องนี้ทุกปี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ทำให้ภาคใต้มีเส้นทางคมนาคมลงสู่ภาคใต้เพียงเส้นทางเดียว

ส่วนงบประมาณการก่อสร้างและบำรุงรักษาของกรมทางหลวงในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2544-2557 พบว่า ภาคใต้ได้งบน้อยที่สุด ขณะที่ปี 2564 ได้รับงบเพิ่ม 1.3 หมื่นล้านบาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการเยียวยาหรือคืนความเป็นธรรมให้กับคนภาคใต้ หากเทียบกับภาคอื่นๆ จึงขอฝากให้พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังนั่งฟังการอภิปรายอยู่ นำข้อมูลนี้ดำเนินการบรรจุในแผนงาน เพื่อจัดสรรงบประมาณในปีต่อๆไป เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับคนใต้ที่ถูกทอดทิ้ง มาเป็นเวลายาวนาน

ทำให้นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายของนายเทพไททันที โดยยืนยันว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทุกภาค ทุกจังหวัด เราจะพิจารณาจากฐานข้อมูลที่มีอยู่เดิมว่าเราจะพัฒนาตรงไหน อย่างไรและบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์ ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ตนเห็นใจ ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปศึกษาเรื่องนี้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลา ระยะแรกเราสามารถต่อเส้นทางตรงไหนได้บ้าง จากนั้นจะพัฒนาไปสู่การทำเส้นทางตรง ซึ่งหลายอย่างต้องอาศัยพื้นที่

“ขอให้ท่านสบายใจว่าเราตั้งงบประมาณในการศึกษาเรื่องนี้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้เราพัฒนาภาคใต้มาตามลำดับ ถือว่ามากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะเราเห็นใจคนภาคใต้ ในเรื่องของสนามบินที่ จ.ตรัง เราได้มีงบประมาณในการพัฒนาถนนหนทางสนามบินที่มีความจำเป็นแล้ว เพราะท่านประธานสภาฯ เป็นห่วง ตนก็ฟังเสียงประชาชนด้วย ก็เห็นชอบร่วมกันที่จะต้องพัฒนา จ.ตรัง เพราะผ่านมาหลายจังหวัด ท่านก็เป็นประธานสภาฯ มานานพอสมควร”

พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ขอส่วนตัวเพื่อใคร ทุกอย่างถูกบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์การคมนาคมขนส่ง ในฐานะผู้นำผมจะเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การขนส่งใหม่ทั้งประเทศ ระยะต่อไป คือจะให้กระทรวงคมนาคมศึกษาและทำแผนในการเชื่อมโยงการสร้างถนนเส้นทางสายใหม่ตะวันตกตะวันออก เหนือ ใต้ ภาคกลางไปอีสานใหม่ที่ไม่ทับเส้นทางเดิม ซึ่งการก่อสร้างเส้นทางเหล่านั้นจะต้องทำพร้อมกันในเรื่องของเส้นทาง งรถไฟคู่ขนาน ร่องและทางระบายน้ำ นั่นคือการบริหารงานแบบบูรณาการ เร็วๆ นี้จะได้สื่อสารให้ประชาชนรับทราบต่อไป

เช่นเดียวกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม อภิปรายชี้แจง กรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า มีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความยุติธรรม โดยยืนยันว่า ในส่วนงานของกระทรวงยุติธรรมอาจจะมีงบประมาณไม่มากเท่าที่ควร แต่ไม่ได้มีผลกระทบกับการทำงาน ในส่วนของกองทุนยุติธรรม ที่นางอมรัตน์ ได้ระบุว่า เงินกองทุนลดน้อยลงจากปีที่ผ่านๆมา ตนขอชี้แจงว่าเงินกองทุนยุติธรรมนั้นเป็นกองทุนหมุนเวียน ซึ่งเงินที่เรานำไปช่วยประกันตัว จะได้รับคืนมาหลังจากที่คดีเสร็จแล้วแล้ว ทำให้มีเงินกลับเข้าสู่กองทุน

ส่วนเงินช่วยเหลือเหยื่อจากคดีอาชญากรรม ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เงินในส่วนนี้ รัฐบาลตั้งไว้ 300 ล้าน และนายกฯได้ให้งบกลางมาช่วยเหลืออีก 176 ล้านบาท ส่วนปี 2564 ได้มา 400 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการช่วยเหลือประชาชนอย่างแน่นอน

ขณะที่ความแออัดในเรือนจำนั้น ขณะนี้กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องโทษประมาณ 380,000 คน หากเราไม่สร้างเตียงนอนสองชั้น จะเกิดความแออัดในเรือนจำเป็นอย่างมาก โดยในช่วงโควิดที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติการสร้างเตียงนอนสองชั้น ซึ่งจะรองรับผู้ต้องขังได้ประมาณ 4 หมื่นคน และกำลังสร้างเพิ่มอีก โดยรวมทั้งหมดจะรองรับได้อีก 8 หมื่นคน และรัฐบาลได้ให้ดำเนินการเรื่องกำไรอีเอ็ม ให้ผู้ต้องขังที่มีสิทธิ์ออกมาพักโทษจ่ายค่าเช่าเองและรัฐบาลจะช่วยส่วนหนึ่ง ตนมั่นใจว่าจากการดำเนินโครงการทั้งหมดในปีหน้าจะลดความแออัดในเรือนจำได้อย่างแน่นอน

 

บรรยากาศในวันที่2 การอภิปรายเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยช่วงหนึ่งของการอภอปรายนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นหารือว่า องค์ประชุมเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ทำไมการประชุมงบประมาณฯ 64 ซึ่งเป็นกฏหมายสำคัญที่รัฐบาลเสนอ ทำไมมีแต่ส.ส.ฝ่ายค้านนั่งฟัง และรอขึ้นอภิปราย ตนไม่อยากใช้ข้อบังคับการประชุมให้มีการนับองค์ประชุม

ทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประชุมการประชุม กล่าวติดตลกว่า “อย่างน้อยครูมานิตย์ก็มีประธานนั่งเป็นเพื่อนอยู่”
ขณะที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ลุกขึ้นยืนยันว่า ส.ส.รัฐบาลยังอยู่ครบ นั่งอยู่รอบๆห้องประชุมสภาฯ เพราะมีความถนัด แต่ละด้านไม่เหมือนกัน จึงรอและรับฟังการอภิปรายอยู่ตลอด

ก่อนที่นายสุชาติ จะตัดบทดำเนินการประชุมต่อ