ชาวบ้านกว่า 3,000 คน ในรัฐกะเหรี่ยง อพยพออกจากบ้านเรือน ข้ามมายังฝั่งไทย หลังถูกโจมตีทางอากาศจากกองทัพเมียนมาหลายครั้ง
ชาวบ้านกว่า 3,000 คนจากเขตมูวาดอว์ (Hpapun) ของรัฐกะเหรี่ยง อพยพออกจากบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย เมื่อวันอาทิตย์ (28 มี.ค.) ที่ผ่านมาหลังถูกโจมตีทางอากาศจากกองทัพเมียนมาหลายครั้ง ในพื้นที่เขตสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU)
“ บางคนหนีเข้าเมืองไทยบางคนเข้าป่า พวกเขาได้ยินข่าวลือว่าจะมีเครื่องบินขับไล่มาเพิ่มในตอนเย็น” ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับค่าย Ei Tu Hta สำหรับผู้พลัดถิ่นภายใน (IDP) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย – เมียนมา กล่าว
มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 2,400 คนในค่าย Ei Tu Hta และอีก 5,000 คนอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสาละวินซึ่งกั้นระหว่างเมียนมาและไทย
การโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. (28 มี.ค.64) ใกล้กับเกาะโคเคย์และหมู่บ้านอื่น ๆ ในพื้นที่ ต่อมามีรายงานว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตในเกาะเคย์ แต่ไม่มีการรายงานจากพื้นที่ที่ถูกโจมตีอื่นๆ เนื่องจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาดในช่วงเวลาที่มีการจู่โจม ขณะที่สื่อท้องถิ่นอีกด้านหนึ่งรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายราย
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากกองกำลังจาก KNU’s Brigade 5 เข้ายึดฐานทัพ Thee Mu Hta ของทหารเมียนมาในเช้าวันเสาร์ (27 มี.ค.) โดยสามารถจับกุมเจ้าหน้าที่ทหารได้อย่างน้อยแปดคน ต่อมากองทัพได้เข้าโจมตีทางอากาศถึง 2 ครั้งในวันเดียวกัน คือเมื่อเวลา 20.00 น. และอีกครั้งในเวลา 23.30 น.
ซึ่งภายหลังการโจมตีทางอากาศ สำนักข่าวท้องถิ่น DVB รายงานว่า ชาวบ้าน 3 คนเสียชีวิต ขณะที่อีก 7 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส และในวันเดียวกันรัฐบาลทหารของเมียนมา ได้สังหารพลเรือนอย่างน้อย 114 คนในเมืองและเมืองต่างๆทั่วประเทศเพื่อตอบสนองต่อการต่อต้านอย่างมากต่อการรัฐประหารในวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ถือเป็นวันกองทัพของเมียนมา และนับเป็นวันที่อันตรายที่สุดในการรุกรานและนองเลือดของประชาชนพลเรือนเมียนมา
ขอบคุณที่มา/เรียบเรียงจาก : myanmar-now www.pptvhd36.com