หลายเมืองในสหรัฐเกิดเหตุประท้วงเดือดต่อเนื่อง ก่อจลาจลตำรวจเคอร์ฟิวคุมไม่อยู่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุการณ์ประท้วงการทำงานของตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตาของสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ต้องสงสัยชาวผิวสีวัย 46 ปีเสียชีวิตยังคงลุกลามบานปลายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด การประท้วงล่วงเข้าวันที่ 4 และขยายวงกว้างออกไปตามเมืองต่างๆ โดยที่เมืองมินนิอาโปลิส ผู้คนไม่สนใจคำสั่งเคอร์ฟิวของทางการออกมาชุมนุมประท้วงเมื่อคืนวันศุกร์(29พ.ค.)ด้วยการเผารถยนต์หลายคัน และทุบทำลายร้านค้าก่อนเข้าไปขโมยสิ่งของ ขณะที่ตำรวจที่มีจำนวนน้อยกว่ามากแทบไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาชาติหลายสิบนายที่ถูกส่งมาควบคุมสถานการณ์เข้าประจำพื้นที่ สถานการณ์จึงเริ่มสงบลง
ส่วนที่นครนิวยอร์ก ผู้ชุมนุมออกมารวมตัวกันบนท้องถนนในย่านบรู๊คลิน และเกิดการปะทะกับตำรวจ ส่วนที่กรุงวอชิงตันมีการชุมนุมใกล้กับทำเนียบขาว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายจอร์จ ฟลอยด์ ผู้เสียชีวิต ขณะที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ผู้ชุมนุมจุดไฟเผารถยนต์ของตำรวจ ทุบทำลายกระจกหน้าต่างอาคารสำนักงานใหญ่ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น และมีการปะทะกับตำรวจ ซึ่งมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมออกไปจากท้องถนนและขู่จะจับกุม หากผู้ประท้วงไม่รีบออกไปโดยเร็ว
เช่นเดียวกับที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส นครลอสแอนเจลิสและเมืองโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีการประท้วงของผู้คนหลายร้อยคน และมีการฉีดพ่นสีสเปรย์เป็นข้อความ ฆ่าตำรวจ ลงบนกำแพงและรถตำรวจหลายคัน
ทั้งนี้ นายจอร์จ ฟลอยด์ วัย 46 ปี เสียชีวิตขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายใช้กำลังควบคุมตัวเมื่อวันจันทร์เนื่องจากต้องสงสัยว่าเขาครอบครองและกำลังใช้เงินดอลลาร์ปลอม โดยดีเรค โชฟวิน ตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์นานเกือบ 9 นาที จนเขาขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตำรวจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องถูกไล่ออกจากราชการ ขณะที่นายโชฟวิน ถูกตั้งข้อหาทำให้คนตายโดยไม่เจตนา และข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท และจะถูกนำตัวขึ้นศาลเมืองมินนิอาโปลิสในวันเสาร์ (30พ.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น
ขอบคุณภาพจาก : CNN