เทศบาลโคราช ตั้งเต็นท์ให้พ่อค้า แม่ค้า ลงทะเบียนเยียวยาความเดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้ตลาดแม่กิมเฮง ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเร่งหาสาเหตุไฟไหม้ คาดเสียหายกว่า 50 ล้าน

นครราชสีมา –วันนี้ (2 ธันวาคม 2562) 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ตลาดแม่กิมเฮง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุด เช้าวันนี้เทศบาลนครนครราชสีมา ได้มาตั้งเต๊นท์จุดลงทะเบียนให้กับบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้ เพื่อจะหาพื้นที่ให้ขายของเป็นการชั่วคราว และทำเรื่องขอเยียวยาความเดือดร้อนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีบรรดาพ่อค้า แม่ค้า เดินทางมาต่อคิวลงทะเบียนกว่า 100 ราย พร้อมกันนี้ก็ได้มีเจ้าหน้าที่วิศวกรของเทศบาล เดินทางมาตรวจสอบโครงสร้างของตลาดด้วย ขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 ตำรวจภูธรภาค 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เบื้องตนพบว่าต้นเพลิงอยู่บริเวณร้านจำหน่ายดอกไม้ ด้านหน้าตลาดแม่กิมเอง เนื่องจากมีอุปกรณ์โฟร์มทำพวงหรีดอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีส่งผลให้ไฟลุกลามไหม้ตลาดอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังลุกลามไหม้อาคารพานิชที่อยู่ข้างเคียงอีก 2 คูหา คาดว่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน คาดว่าจะได้ผลสรุปของสาเหตุไฟไหม้ภายในสัปดาห์นี้

ส่วนความเสียหายภายในตลาดแม่กิมเฮง ได้ถูกเพลิงไหม้ตัวอาคารไปครึ่งแถบ โดยหลังคาเหล็กพังถล่มลงมาเป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกกั้นไว้ไม่ให้ใครเข้าใกล้ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดหลังคาพังถล่มลงมาได้อีก ขณะที่ไฟได้สงบลงหมดแล้ว โดยมีพ่อค้า แม่ค้า ยืนรอดูสถานการณ์อยู่รอบนอกเป็นจำนวนมาก

สอบถามนางสมพร ปลัดวงษ์ อายุ 63 ปี แม่ค้าร้านขายดอกไม้ที่เป็นต้นเพลิง เล่าว่า ตนเองได้ประกอบอาชีพขายดอกไม้อยู่ในตลาดแม่กิมเฮงแห่งนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยสามารถส่งลูกๆ เรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบชั้นปริญญาตรีมาแล้วหลายคน ซึ่งช่วงนี้อยู่ระหว่างเตรียมดอกไม้ไว้เพื่อจำหน่ายในช่วงวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคมที่จะถึงนี้ จึงได้มีการนำเข้าดอกไม้มาไว้ที่ร้านจำนวนมาก ดังนั้นจึงคาดว่าจะมีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่กู้ยืมมา และยังไม่มีที่ขายของ จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยหาพื้นที่ขายของใหม่ให้ตนด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้าง นางสมพรฯ กล่าว.