ปลาไข่สระประปาบ้านหนองใหญ่ลอยตายไม่ทราบสาเหตุนับพัน ด้านประมงอำเภอรุดตรวจสอบเบื้องต้นคาดเกิดจากอากาศปิดทำออกซิเจนในน้ำต่ำ
นครราชสีมา – เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอายุวัฒน์ อนุตรอริยกุล ประมงอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมอาสาสมัครประมงอาสา และผู้นำชุมชนบ้านหนองใหญ่ หมู่ที่ 7 ต.ครบุรี อ.ครบุรี เข้าทำการตรวจสอบสระน้ำประจำหมู่บ้าน ภายหลังจากได้รับแจ้งว่าเกิดมีปลาลอยตายเกลื่อนทั่วบริเวณสระ โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยจากการตรวจสอบพบว่าสระน้ำดังกล่าวเป็นสระน้ำที่ขุดลอกเอาไว้ใช้ทำน้ำประปา เนื้อที่กว่า 30 ไร่ ภายในบริเวณผิวน้ำภายในสระมีปลาเกล็ดลอยตายเป็นจำนวนมาก คาดว่าน่าจะมีปริมาณเกือบ 1 ตัน และเป็นที่น่าเสียใจอย่างมาก เนื่องจากปลาที่ลอยตัวส่วนใหญ่อยู่ในช่วงที่กำลังตั้งท้องเตรียมจะวางไข่ ทางประมงอำเภอครบุรี จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำ เพื่อนำส่งไปตรวจพิสูจน์คุณภาพน้ำยังสำนักงานประมงจังหวัดนครราชสีมา พร้อมกับแนะนำให้ผู้นำชุมชนแจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่มาช่วยกันเก็บปลาที่ลอยตายออกจากสระน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำเสียและโรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
นายสากล พรมครบุรี ผู้ใหญ่บ้านหนองกราด หมู่ที่ 13 ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ต้องใช้น้ำจากสระดังกล่าวด้วยกันกับบ้านหนองใหญ่หมู่ที่ 7 กล่าวว่า สระน้ำแห่งนี้เป็นสระน้ำประปาที่ใช้ร่วมกัน 3 หมู่บ้าน ขุดลอกมาได้กว่า 20 ปีแล้ว ที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาปลาตายจำนวนมากมาแล้ว 2 – 3 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงหน้าฝน และมีน้ำจากพื้นที่ไร่นาไหลลงสู่สะกะทันหัน แต่ในครั้งนี้ ยังไม่ทันเกิดน้ำไหลลงสระ ก็เกิดมีปลาลอยตายก่อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเริ่มทยอยตายมาได้ 2 – 3 วันแล้ว คาดว่าปลาที่ตายน่าจะเกือบ 1 ตันแล้ว จึงได้แจ้งทางประมงอำเภอให้เข้ามาตรวจสอบ และเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุของการตายของปลาที่ชัดเจน เพื่อให้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
ทางด้านนายอายุวัฒน์ อนุตรอริยกุล ประมงอำเภอครบุรี กล่าวว่า สาเหตุที่ปลาลอยตายผิดปกติในครั้งนี้ อาจจะเกิดจากการที่สภาพอากาศในช่วงนี้ เป็นช่วงเริ่มต้นฤดูฝน ทำให้มีอากาศร้อนจัดในช่วงกลางวันและเกิดท้องฟ้าปิดกะทันหันในช่วงบ่าย ส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดต่ำลงกะทันหันเช่นเดียวกัน ทำให้ปลาโดยเฉพาะปลาเกล็ดจำพวกปลาตะเพียน ปลาสร้อย ปลาขาว ซึ่งเป็นปลาที่ไวต่อการขาดออกซิเจนประสบปัญหาล้มตายได้ง่าย เพราะสภาพอากาศและออกซิเจนในน้ำไม่เหมาะต่อการดำรงชีพของปลาชนิดนี้ แต่ก็อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้อีก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเก็บตัวอย่างกลับไปตรวจพิสูจน์ยังห้องปฏิบัติการอีกครั้ง
ทั้งนี้ในช่วงย่างเข้าสู่ฤดูฝนนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาควรต้องหมั่นดูแลสภาพน้ำภายในบ่อหรือสระเลี้ยงปลาให้สะอาด และเหมาะสมต่อการดำรงชีพของปลารวมถึงสระน้ำ ระวังจากพื้นที่ทำการเกษตรถูกน้ำหลากชะล้างเอาสารเคมีลงสู่สระน้ำซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงปลาได้ หากปลาเติบโตพอที่จะสามารถจับขายได้ก็ควรเร่งจับจำหน่าย เพื่อลดอัตราความหนาแน่นของปลาในสระลง ซึ่งจะทำให้การดูแลสระน้ำทำได้ง่ายขึ้นด้วย.
//////////ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา