“สุวัจน์” เปิดเวที ฟังปัญหาชาวบ้าน 4 อีสาน ตอนบน 4จังหวัด อุดร-หนองคาย-หนองบัวลำภูและเลย ลั่น ดัน “อีสานสวรรค์นักท่องเที่ยว”

ตั้งเป้า 5 ปี เพิ่มเม็ดเงิน ตัวเลขนักท่องเที่ยว 10-20% มุ่งพัฒนาทุกหมู่บ้าน – ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยว ลั่นหากเป็นรัฐบาล เพิ่มเบี้ยสูงอายุ 2 พันบาท/ปี มั่นใจหลังเลือกตั้ง ศก. –การเมืองดีขึ้นแน่นอน ต่างชาติเชื่อมั่นจะแห่มาลงทุนและท่องเที่ยว การันตี “ชาติพัฒนา” พร้อมทุกบทบาท รัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน โนแพลบแพลม ไม่มีปัญหา ทำงานการเมืองแบบใหม่ เลิกการเมืองเก่าๆ ไม่พอใจไปเดินบนท้องถนน

เมื่อวันที่ 7 มี.ค.นี้ ที่โรงแรมบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมคณะผู้บริหารและผู้สมัคร สส.เขต จังหวัดอุดรธานี เปิดเวทีปราศรัย โดยก่อนการปราศรัย นายสุวัจน์ ได้เปิดเวทีให้ประชาชนในพื้นที่ได้แสดงความคิดเห็นและร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจากตัวแทนกลุ่มปัญหาต่างๆอาทิ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสตรี กลุ่มเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือกลุ่มโรงเรียนที่ขาดอุปกรณ์กีฬาและการเรียนการสอน รวมถึงแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอีสานตอนบน เป็นต้น

นายสุวัจน์ กล่าวว่า จะนำปัญหาของพี่น้องไปแก้ไข เพราะปัญหาต่างๆ เช่น คนพิการ มีความจำเป็นต้องเพิ่มเติมเงินคนพิการให้ดำรงอยู่ได้ โดยมีนโยบายด้านความเสมอภาค หรือการปรับปรุงสาธารณะด้วยนโยบาย “อารยะสถาปัตย์” แม้จะเป็นคนพิการหรือไม่พิการสามารถใช้ประโยชน์ได้ ส่วนเรื่องทำกินหรือเอกสารสิทธิในภาคอีสาน ถือเป็นนโยบายสำคัญมากๆ เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทำกิน หรือ วิสาหกิจชุมชน จะสนับสนุนสินค้าโอทอป เพราะเป็นการสานต่อนโยบายของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เน้นสนับสนุนหรือช่วยเหลือคนยากคนจน ทั้งด้านการศึกษาและการจัดหาอาชีพ โดยจะให้มีการจัดตั้งกองทุนผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้โอทอปได้มีเงินกู้ยืมเป็นผู้ประกอบการสมัยใหม่ หรือ Smart SME เน้นคนในชนบทได้เป็นเถ้าแก่ เพราะวิสาหกิจชุมชนถือว่าดึงดูดนักท่องเที่ยวชุมชนหรือการท่องเที่ยวพื้นบ้าน เป็นทั้งนักธุรกิจและเกษตรกรไปด้วยกัน จะช่วยเศรษฐกิจของประเทศ

นายสุวัจน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษ กลิ่น หรือ เสียง ต้องแก้ไขและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนแต่ต้องดูแลสิ่งแวดล้อมหรือชุมชนด้วย โดยเน้นการบังคับใช้กฎหมาย เช่น ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) หรือ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับมาตรการตรวจสอบเข้มงวดในทุกกระบวนการผลิต สำหรับปัญหาสังคมผู้สูงอายุคาดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีผู้สูงอายุมากถึง 15 ล้านคน ดังนั้นเมื่อประชากรมากขึ้น จะต้องมีการขยายเวลาเกษียณอายุยาวนานขึ้นเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตแก่ผู้สูงอายุ จะได้ทำประโยชน์แก่บ้านเมืองต่อไปจากประสบการณ์ที่สะสมมาก พร้อมกับปรับเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 2 พันบาท และ สร้างบ้านเกษียณแก่ผู้สูงอายุ

สำหรับนโยบายการท่องเที่ยวจะส่งเสริมให้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมกับดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้มากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวหนึ่งคนจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 5 พันบาท หากคูณด้วยเม็ดเงินต่อตัวเลขนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน จะได้เม็ดเงินนับล้านล้านบาท จึงถือว่าการท่องเที่ยว คือ รายได้อันดับหนึ่งของประเทศ จึงต้องสนับสนุนให้ยอดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นและสนับสนุนทุกหมู่บ้านและทุกตำบลด้านการท่องเที่ยวทุกจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสาน เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวมาเที่ยวอีสานเพียง 4 % โดยพรรควางเป้าหมาย 5 ปีจะเพิ่มยอดนักท่องเที่ยว 10 – 20 % ต้องมาเที่ยวอีสาน ยิ่งมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี หรือ จ.โคราช ย่อมจะส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวสูงขึ้น ดังนั้นหากพรรคชาติพัฒนาได้เป็นรัฐบาลจะผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจังและเห็นผลเป็นรูปธรรม พร้อมกับดึงนักลงทุนนักธุรกิจมาพัฒนาเศรษฐกิจภาคอีสานให้มากขึ้น

“สุวัจน์” ลั่น “ชาติพัฒนา” พร้อมทุกบทบาท รัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน โนแพลบแพลม

นายสุวัจน์ กล่าวว่าหลังเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ มั่นใจว่าเมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้วจะสร้างความมั่นใจให้กับประเทศต่างชาติจะมาเที่ยวและลงทุนเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะแพ้หรือชนะไม่สำคัญ แต่ประเทศไทยจะกลับมาดีอย่างแน่นอนเพราะบ้านเมืองมีประชาธิปไตยเป็นสากล ต่างชาติก็กลับมาลงทุน หรือส่วนความขัดแย้งทางการเมือง พรรคชาติพัฒนาไม่มีปัญหาเพราะพรรคทำงานการเมืองเหมือนเล่นกีฬา เหมือนเล่นการเมืองเหมือนเมื่อครั้ง พล.อ.ชาติชาย ทำการเมืองจบเป็นยกๆแพ้ก็รออีก 4 ปี ต้องเป็นสุภาพบุรุษ รู้จักแพ้รู้จักชนะ ดังนั้นการเล่นการเมืองไม่ใช่ชนะแล้วต้องไม่เหลิง หรือ ชนะกันแค่เพียงเสียงเดียวก็พอแล้ว เพราะหากเสียงชนะกันด้วยคะแนนสูสี รัฐบาลกับฝ่ายค้านจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ารัฐบาลเสียงข้างมาก เพราะรัฐบาลผสมที่ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเสียงสูสี ฝ่ายค้านเสนอแนะอะไรไปรัฐบาลจะรับฟัง หรือ ท้วงติง

“พรรคชาติพัฒนา เล่นการเมืองแบบเอาประเทศชาติ เป็นหลัก ต้องไม่ใจร้องฟังเสียงสภาเพราะไม่ฟังสภา แล้วออกมาเล่นการเมืองบนถนน ถ้าเล่นกันแบบนั้นก็ไม่จบ แต่ถ้าเคารพกติกา รับรองบ้านเมืองไม่มี หรือ โนแพลมแพลม ดังนั้นพรรคชาติพัฒนา มีความพร้อมทุกบทบาท ทั้งเป็นฝ่ายรัฐบาลที่จะทำตามที่ได้สัญญาไว้ แต่หากเป็นฝ่ายค้าน จะติดตามตรวจสอบว่ารัฐบาลสัญญาอะไรไว้หากทำไม่ได้ต้องมีการตรวจสอบ ดังนั้นการเมืองเก่าๆต้องหมดไป คือ การไปสัญญาแล้วทำไม่ได้ และ การเมืองยุคใหม่คือมีน้ำใจเป็นนักกีฬา ทุกอย่างจบในห้องประชุม ไม่ออกมาเดินเรียกร้องบนท้องถนนสร้างปัญหาให้กับประเทศต้องไม่มีอีก” นายสุวัจน์ กล่าว

ด้านพล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก หรือ เสธ.เอ็กซ์ กล่าวบนเวทีปราศรัยด้วย ว่าก่อนคุณพ่อผม พล.อ. เอก กำลังเอก อดีตผู้บัญชาทหารบก (ผบ.ทบ.) จะเสียชีวิตได้สั่งเสียไว้สองเรื่อง เรื่องแรก คือ ต้องไปกราบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ถือเป็นผู้บังคับบัญชาที่ท่านเคารพรัก และ สองคือ หากจะเล่นการเมืองต้องลงสมัครจังหวัดเลย เพราะเป็นจังหวัดบ้านเกิด หรือหากต้องการจะพัฒนาประเทศทางการเมือง ต้องอยู่กับพรรคชาติพัฒนา ในตอนยุคที่คุณพ่อยังอยู่คุณสุวัจน์ เป็นเลขาธิการพรรค นั้นคือสิ่งที่คุณพ่อร้องขอคืออยู่กับพรรคชาติพัฒนา ดังนั้นไม่ว่าชีวิตทางการเมืองจะเป็นอย่างไรผมจะอยู่กับพรรคชาติพัฒนาไปจนวันตาย