“สุวัจน์”คิกออฟ มอบถุงน้ำใจให้ ศ.ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน มอง New normal การเมืองใหม่ใจต้องนิ่ง

วันที่ 6 มิถุนายน 2563 ที่ศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน อำเภอเมืองนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายวัชรพล โตมรศักดิ์ส.ส.นครราชสีมา ร่วมกับภาคเอกชนในจังหวัดนครราชสีมามอบ”ถุงน้ำใจ”สู้ภัยโควิดให้กับประชาชนในเขตตำบลในเมืองตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอเมือง และอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1,300 คน

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกันได้มอบถุงน้ำใจให้ชาวโคราชในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการรวมตัวของส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรการกุศล แม่บ้าน สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยแจกหน้ากาก และแอลกอฮอล์ วันละ 3,000 ชุด แจกข้าวกล่อง ถุงน้ำใจ จำนวน 10,000 ถุง ซึ่งจะทำอย่างต่อเนื่องเพราะความเดือดร้อนยังมีอีกมาก เพื่อให้กำลังใจกัน ที่ผ่านมาได้แจกหน้ากากผ้าให้กับประชาชนไปแล้วเดือนละ 100,000 ชิ้น ทำมาแล้วกว่า 2 เดือนแจกไปตอนนี้น่าจะประมาณ 300,000 ชิ้นได้และยังทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าโควิด-19 จะหมดไปจากประเทศไทยและหมดไปจากโคราช
นายสุวัจน์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลผ่อนปรนให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเปิดดำเนินการได้ในเฟสที่ 3 แล้ว
แล้วแต่หลายฝ่ายก็เป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจนั้น ตนคิดว่าเมื่อพระราชกำหนด 1.9 ล้านล้านได้รับความเห็นชอบและผ่านสภาฯไปแล้ว งบประมาณต่างๆก็จะลงไปถึงมือพี่น้องประชาชน การเยียวยาก็ลงไปทุกกลุ่มหมด ส่วนโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านตนเชื่อว่าจะมีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และถ้าเราสามารถดำเนินการคลายล็อตได้เร็ว และคิดว่าตอนนี้เรากำลังจะชนะโควิดแล้วก็ต้องถือโอกาสนี้ในการคลายล็อคเลยและจะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาทำงานกันใหม่ เพราะเราดับเครื่องไว้ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และถือว่า สร้างงานใหม่กลับมาใหม่ ประกอบกับงบประมาณกู้เงินก็ผ่านสภาลงมาสู่ต่าง
จังหวัดสู่ชุมชนต่างๆ ตนเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆจะเริ่มกระเตื้องขึ้น ถ้าเราสามารถไปถึงระยะที่ 4 หรือถ้าสามารถกลับไปสู่ภาวะปรกติ เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องโควิดแล้ว ต่อไปก็ต้องสู้กันเรื่องเศรษฐกิจเรื่องเดียว ฉะนั้น ลำดับขั้นตอนต่างๆถือว่ามาถูกทางที่สุดแล้ว
สำหรับโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านจากการดูบรรยากาศการประชุมในสภาฯ ถือว่าเป็น New normal ของการเมืองเหมือนกันเพราะบรรยากาศเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย ฝ่ายค้านให้ข้อแนะนำที่ดีรัฐบาลก็รับฟัง และรัฐบาลก็บอกฝ่ายค้านว่าจะเอาไปทำอะไร ขณะเดียวกันทุกคนเข้ามามีส่วนให้เงินก้อนนี้ได้ไปถึงมือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมาย และสัปดาห์หน้าจะมีการหารือการตั้งกรรมาธิการมีทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ถ้าสภาฯให้ความเห็นชอบกับกรรมาธิการชุดนี้ตนเชื่อว่าจะทำให้สังคมสบายใจ เงินก้อนนี้คนไทยทุกคนร่วมกันเป็นหนี้หารตามจำนวน 60 กว่าล้านคน ฉะนั้น ทุกคนก็จะสบายใจว่าเงินที่กู้มาไปช่วยประชาชนเหมือนกับสภาฯได้มามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้เกิดการยอมรับในบทบาทของสภาฯดีขึ้นและภาพลักษณ์ของสภาฯก็ดีขึ้น
ฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อให้การใช้จ่ายเงินครั้งนี้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และตรงวัตถุประสงค์ของรัฐบาลมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เป็นเงินของทุกคน เงินกู้นี้ทุกคนต้องช่วยกันหาร
ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ซึ่งน่าจะมีขึ้นในเร็วๆนี้ในส่วนของพรรคชาติพัฒนายังพร้อมทำงานกับรัฐบาลนี้ต่อไปหรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่าตนไม่ทราบว่าแนวทางการปรับ ครม.หรือการตัดสินใจเรื่องปรับครม.จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ต้องถือว่าเป็นความรับผิดชอบและเป็นภาระหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพรรคชาติพัฒนาถือว่าใน 1 ปีที่ได้รับเกียรติจากพล.อ.ประยุทธ์ฯ
นายกรัฐมนตรีให้ไปร่วมรัฐบาล เราก็ได้ร่วมกันทำงานด้วยดีตลอดมา “วันนี้ ประเทศของเราต้องการการเมืองที่นิ่ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจลุล่วง ฉะนั้น เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีการเมืองที่มีเสถียรภาพถ้าทุกฝ่ายสามารถสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้เกิดความร่วมมือกันได้จะเป็นเรื่องที่ดี อย่างที่ตนชอบบรรยากาศเรื่องพระราชกำหนดหรือบรรยากาศการถ่ายโอนงบประมาณ เราไม่ค่อยเห็นบรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในสภาผู้แทนราษฎรอย่างนี้มานานแล้ว ฉะนั้นบรรยากาศทางการเมืองจะมีส่วนสำคัญทำให้เกิดเสถียรภาพในการแก้ไขปัญหาของประเทศ การเมืองถ้านิ่งมีเสถียรภาพ ไม่มีความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชน”
ส่วนประเด็นแรงกระเพื่อมภายในพรรคพลังประชารัฐจะส่งผลต่ออายุรัฐบาลหรือไม่นั้น นายสุวัจน์ มองว่า เนื่องจากรัฐบาลเป็นรัฐบาลผสมมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค และเมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาลเสียงก็ไม่มากนัก แต่ตอนนี้มีเสียงเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไงก็แล้วแต่เสถียรภาพรัฐของรัฐบาลสำคัญมาก
“วันที่จัดตั้งรัฐบาลวันนั้นเศรษฐกิจยังไม่หนักเท่าวันนี้ ยังไม่มีโควิดระบาด วันนั้นเสถียรภาพบางๆ แต่วันนี้ยิ่งเศรษฐกิจมีปัญหามากรัฐบาลก็ยิ่งต้องมีเสถียรภาพที่เข้มแข็งมั่นคง เพื่อให้รัฐบาลทำงานได้และต้องช่วยกันแก้ไขให้ลุล่วง”
ส่วนกระแสข่าวมีการดึงพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาลนั้นจะมีนัยอะไรหรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่าตนไม่ทราบที่มาของกระแสข่าวนี้ ไม่สามารถให้ความเห็นนี้ได้ แต่คิดว่า”วันนี้รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องมีเสถียรภาพการเมืองที่มั่นคง ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมมือกันทำงาน มีความเข้าใจกันและสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นพี่น้องประชาชนก็จะสบายใจและรัฐบาลก็จะประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาต่างๆ”
ต่อข้อถามพรรคชาติพัฒนาจะได้ทำงานเคียงข้างกับพรรคร่วมรัฐบาลครบ 4 ปีหรือไม่นั้น นายสุวัจน์ หัวเราะก่อนตอบว่า การเมืองครบหรือไม่ครบไม่ทราบ แต่ว่าเราก็ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เป็นรัฐบาลเราก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือกัน ให้ความคิดเห็นและเป็นทีมเวิร์คเดียวกัน ทุกคนมีความร่วมมือกันและช่วยสนับสนุนให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาของประเทศให้ลุล่วงไปได้ ส่วนผลงานของพรรคชาติพัฒนาจะมัดใจพล.อ.ประยุทธ์ฯนายกรัฐมนตรีนั้น
“ตนคิดว่าเมื่อเป็นรัฐบาลร่วมกันแล้วถือว่าทุกคนต้องทำงานตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ว่าในเรื่องของความสัมพันธ์ เรื่องของการให้เกียรติกันเราก็รู้สึกว่าเราสามารถทำงานกับรัฐบาลทำงานกับนายกรัฐมนตรีด้วยความสุข และเต็มใจที่จะได้ร่วมมือกับท่านในการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศต่อไป”นายสุวัจน์ กล่าว